วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

คลิปวิดิโอ



คลิปวิดิโอ







สรุปเกมเบ็ดเตล็ด


การละเล่นไทยนั้นมีหลากหลายมากมีการละเล่นที่แตกต่างกันออกไป เป็นการช่วยรักษาสุขภาพและใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์การะเล่นถือเป็นกิจกรรมตามธรรมชาติของเด็กๆ ที่ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดความ
สนุกสนานหรือทำให้อารมณ์เบิกบานเท่านั้น แต่การเล่นมีประโยชน์ต่อการเรียนรู้ในด้านต่างๆอย่างมากมาน ดังนั้น การเล่นจึงมีส่วนสำคัญในการพัฒนาศักยภาพทางด้านสติปัญญาของเด็กๆ ด้วยการเล่นมีหลายแบบ ทั้งเล่นคนเดียว เล่นกับคุณพ่อคุณแม่ เพื่อนฝูง เล่นโดยใช้หรือไม่ใช้อุปกรณ์ เล่นกลางแจ้งหรือเล่นในร่ม สุดแต่จะคิดสรรหรือแล้วแต่ความพอใจหรือความสะดวก แต่สมัยนี้การเล่นส่วนใหญ่มักเน้นที่อุปกรณ์ จำพวกของเล่นสำหรับเด็กที่มีให้เลือกซื้อหามากมาย ซึ่งของเล่นบางอย่างก็มีประโยชน์ต่อพัฒนาการของเด็ก เช่น บล็อกที่ทำจากไม้หรือพลาสติก เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยฝึกการใช้สายตา มือ ฝึกสมาธิและรู้จักการแก้ปัญหา แต่คุณพ่อคุณแม่หรือไม่ว่า จริงๆแล้วการเล่นแบบโบราณ หรือการละเล่นแบบไทยๆอย่างที่เด็กๆในสมัยก่อนเล่นกัน ก็มีคุณค่าและมีประโยชน์ไม่แพ้การเล่นแบบสมัยใหม่เลย ครับแล้ววันนี้เราจะมีบทสัมภาษณ์จากปากอาจารย์ที่สอนในรายวิชาแนะแนวและสอนในการละเล่นไทยนะครับ ลองชมวิดิโอได้เลยครับ










วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2559




5 การละเล่นที่คุ้นเคย








1. หมากเก็บ  กติกาก็คือ ต้องมีการเสี่ยงทายว่าใครจะได้เล่นก่อน โดยใช้วิธี " ขึ้นร้าน " คือแบมือถือหมากทั้ง 5เม็ดไว้แล้วโยนหมาก ก่อนจะหงายมือรับ แล้วพลิกมือกลับรับหมากอีกที ใครมีหมากอยู่บนมือมากที่สุด คนนั้นจะได่เป็นผู้เล่นก่อน อย่างไรก็ตาม ปกติแล้ว " หมากเก็บ " มีวิธีเล่นหลายอย่าง แต่ละอย่างก็จะมีชื่อเรียกต่างกันไป เช่น หมวกพวง, หมากจุ๊บ, อีกาเข้ารัง เป็นต้น









2.มอญซ่อนผ้า การละเล่นแสนสนุกที่ทำให้ผู้เล่นได้ลุ้นไปด้วย โดยใช้อุปกรณ์เพียงแค่ผ้าผืนเดียวเท่านั้น แล้วให้ผู้เล่นเสี่ยงทาย ใครแพ้คนนั้นต้องเป็น " มอญ "  ส่วนคนอื่นๆ มานัั่งล้อมวง คนที่เป็น " มอญ " จะต้องถือผ้าไว้ในมือแล้วเดินวนอยู่นอกวง จากนั้นคนนั่งในวงจะร้องเพลงว่า " มอญซ่อนผ้า ตุ๊กตาอยู่ข้างหลัง ไว้โน่นไว้นี่ฉันจะตีก้นเธอ








3.รีรีข้าวสาร  กิตกา " รีรีข้าวสาร " ก็คือ ต้องมีผู้เล่น 2 คนหันหน้าเข้าหากัน และเอามือประสานกันไว้เป็นรูปซุ้ม ส่วนผู้เล่นคนอื่นๆ จะกี่คนก็ได้ยืนเกาะเอวกันไว้ตามลำดับ หัวแถวจะพาขบวนลอดซุ่มพร้อมร้องเพลง " รีรีข้าวสาร " จนเมื่อถึงประโยคที่ว่า " คอยพานคนข้างหลังไว้ " ผู้ที่ประสานมือเป็นซุ่มจะลดมือลงกันไม่ให้คนสุดท้ายผ่าเข้าไป เรียกว่า " คัดคน " และเล่นอย่างนี้ไปเรื่อยๆๆ จนคนหมด












 4.เดินกะลา ดูเป็นการละเล่นพื้นบ้านที่หาดูได้ไม่บ่อยนัก แต่หากเป็นสมัยก่อนจะเห็นเด็กๆ เดินกะลากันทั่วไป โดยผู้เล่นจะต้องนำกะลามะพร้าว 2 อันมาทำความสะอาดแล้วเจาะรูตรงกลาง ร้อยเชือกให้แน่นเพื่อป้องกันไม่ให้เชือกหลุดเวลาเดิน เวลาเดินให้ใช้นิ้วหัวแม่เท้ากับนิ้วชี้คีบเชือกเอาไว้แล้วเดิน หากมีเด็กๆหลายคนอาจจัดแข่ง เดินกะลา ได้ด้วยการกำหนดเส้นชัยไว้ใครเดินถึงก่อนก็เป็นผู้ชนะไป
 ประโยชน์ของการเดินกะลา ก็คือช่วยฝึกการทรงตัว ความสมดุลของร่ายกาย เพราะต้องระวังไม้ให้ตกกะลา ช่วงแรกๆ อาจจะรู้สึกเจ็บเท้า แต่ถ้าฝึกบ่อยๆ จะชินและหายเจ็บไปเอง แถมยังทำให้ร่างกายแข็งแรง เพลิดเพลินอีกด้วย












5.เล่นซ่อนหาหรือโป้งแปะ เล่นซ่อนหา หรือ โป้งแปะ โดยกติกาก็คือ คนที่เป็น " ผู้หา " ต้องปิดตา และให้เพื่อนๆไปหลบหาที่ซ่อน โดยอาจจะนับเลขก็ได้ ส่วน " ผู้ซ่อน " ในสมัยก่อนจะต้องร้องว่า " ปิดตาไม่มิดสาระพิษเข้าตา พ่อแม่ทำนาได้ข้าวเม็ดเดียว " แล้วแยกย้ายกันไปซ่อน
ประโยชน์จากการเล่นซ่อนหา ก็คือ ฝึกให้เป้นคนช่างสังเกต สามารถจับทิศทางของเสียงได้ รวมทั้งรู้จักประเมินสถานการณ์ที่ซ่อนตัว จึงฝคกความรอบคอบได้อีกทาง นอกจากนี้ยังทำให้ผู้เล่นสนุกสนาน อารมณ์แจ่มใจเบิกบานไปด้วย









ความหมายของการละเล่นไทย

   การละเล่นไทยความหมายการละเล่น คำว่า “การละเล่น” หมายถึง การกระทำหรือกิจกรรมใด ๆ ที่ก่อให้เกิดความสนุกสนานรื่นเริงบันเทิงใจ ซึ่งมักมีกติกาการเล่นหรือการแข่งขันง่าย ๆ ไม่สลับซับซ้อนมากนัก จุดประสงค์ส่วนใหญ่ มุ่งเพื่อให้เกิดความสนุกสนาน เพื่อออกกำลังกาย และก่อให้เกิดความสามัคคีทั้งระหว่างผู้เล่นและผู้ชม

    กติกาอาจกำหนดขึ้นไว้ก่อนและเคยปฏิบัติมาแล้วหรือ ตกลงกันตั้งขึ้นขณะจะเริ่มเล่นก็ได้ คือ ไม่ค่อยพิถีพิถันในเรื่องกติการมากนัก สรุปการละเล่นพื้นบ้านจึงหมายถึง กิจกรรมที่ประชาชนร่วมกันทำขึ้นเพื่อให้สนุกสนานและอื่น ๆ ในแต่ละท้องถิ่นหรือตำบลหมู่บ้าน บางอย่างอาจเหมือนกันกับท้องถิ่นอื่น และบางอย่างอาจแตกต่างกันไปบ้างตามความนิยมของท้องถิ่นนั้น ๆ การละเล่นต่างกับกีฬา การละเล่นแตกต่างจากกีฬาตรงที่การละเล่น จัดทำเพื่อมุ่งความสนุกสนานเป็นใหญ่ ไม่มุ่งที่จะเอาชนะกันอย่างจริงจัง ทั้งผู้เล่นก็ไม่จำเป็นต้องได้ฝึกซ้อมเตรียมตัวมาก่อนแต่อย่างใด คือ จะเล่นเมื่อไรก็อาจเข้าร่วมกิจกรรมเลยก็ได้ ส่วนกีฬา หมายถึง การละเล่นที่ต้องใช้กำลังพอสมควร การแข่งก็มีกติกาวางไว้แน่นอน และเป็นการกระทำที่ สลับซับซ้อน มีกลวิธีการเล่นและผู้เล่นซึ่งเรียกว่า นักกีฬา ก็ต้องได้รับการฝึกฝนมาก่อนพอสมควร ทั้งมีเทคนิคหรือกลวิธีการเล่นต่าง ๆ มากมาย เพื่อหวังให้ได้ชัยชนะ และการเล่นกีฬา ไม่ว่าจะไปเล่นที่ไหน ก็ต้องเล่นแบบนั้น เหมือนกัน เพราะมีกติกากำหนดไว้เป็นการแน่นอนตายตัวอยู่แล้ว การละเล่นพื้นบ้านจึงแตกต่างไปจากกีฬา ตรงที่เป็นการเล่นแบบง่าย ๆ เพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน มากกว่าหวังแพ้ชนะเช่นการเล่นกีฬา แต่การละเล่นบางอย่างก็อาจอนุโลมเข้าเป็น นักกีฬา โดยยากที่แยกจากกันอย่างเด็ดขาดคืออาจเป็นกึ่งกีฬากึ่งการละเล่น แต่คนโบราณ ภาคอีสาน นิยมเรียกการละเล่นว่า การเล่นกันทั้งนั้น ไม่นิยมเรียกว่า กีฬาแม้จะมีการแข่งขันกันเหมือนกับการเล่นกีฬาก็ตาม

วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

บทนำ

    บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อความเพลิดเพลินและชักจูงให้คนสนใจที่จะอนุรักษ์ความเป็นไทยไว้ เพื่อให้ลูกหลานยุคต่อไป จดจำได้เลยไม่เสื่อมหายไปจากสังคมไทย นั่นก็คือเกมเบ็ดเตล็ดหรือการละเล่นไทย นั่นเอง การละเล่นของเด็ก หมายถึง การกระทำของเด็กที่ทำไปเพื่อความสนุกสนาน หรือผ่อนคลายอารมณ์ให้เพลิดเพลิน การละเล่นของเด็กไทยนั้นมีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ก่อนประวัติศาสตร์แล้ว





วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

แนะนำตัว












แนะนำตัว สวัสดีครับผมนาย กิตติภัฏ กองสุข รหัส 5803100 คณะนิเทศศาสตร์ ผมเลือกทำหนังสือ เกมเบ็ดเตล็ด